ENTERING NEW SPEED ZONE

BMW Motorrad X California Superbike School
หากคุณรักความเร็ว มีไลฟ์สไตล์ที่รักการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์แบบสปอร์ต ชอบผจญภัย หลงใหลการใช้เวลาว่างในการขับขี่ในสนามแข่งแล้ว คุณคงหนีไม่พ้นการชื่นชอบในการเรียนรู้ทักษะการขับขี่ที่ถูกต้อง สามารถควบคุมรถคันโปรดให้พุ่งทะยานไปตามใจต้องการทั้งบนถนนหลวงรวมถึงในสนามแข่ง

หนึ่งในสถาบันการพัฒนาทักษะการขับขี่ที่ถือว่าดีที่สุดในโลกอย่าง California Superbike School โดย Keith Code และทีมงานก็ถือได้ว่าเป็นความฝันของคนไทยที่จะได้มีโอกาสได้สัมผัส ซึ่งในอดีตนั้นกว่าจะได้เรียนที่นั่นต้องเดินทางข้ามทวีปไปถึงรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกากันเลยทีเดียวด้วยงบประมาณการเดินทาง ซึ่งยังไม่รวมกับค่าเรียน

แต่ในวันนี้ BMW Motorrad Thailand ด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของ California Superbike School ได้จัดให้ทีมงานของ คุณ Keith Code โดยการนำของลูกชายคนเก่ง คุณ Dylan Code และ ทีมโค้ชฝีมือดีหลายสิบชีวิต เปิดคอร์ส “Level 1” ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นสนามแข่งระดับโลกของประเทศไทยที่ จัดการแข่งขัน MotoGP และ World Superbike เรียกได้ว่าเป็นที่สุดของที่สุด ทั้งทีมผู้ฝึกสอน และสนามที่ใช้

ปัจจัยสุดท้ายคือรถของลูกค้า BMW Motorrad Thailand ซึ่งมีศักยภาพมากพอที่จะเทียบชั้นก็คือ BMW HP4, S 1000 RR, S 1000 R และ S 1000 XR โดยได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้าที่เข้าร่วมโครงการกว่า 70 ชีวิต โดย 90% จะเป็นรถสปอร์ตดีกรีรถแข่งอย่าง S 1000 RR

CALIFORNIA SUPERBIKE SCHOOL
เรามาทำความรู้จักกับ California Superbike School และหลักสูตรของพวกเขากันก่อนที่จะไปถึงสิ่งที่ได้รับในวันนั้น

40 ปีก่อน ไม่มีหลักสูตรการเรียนการสอนแบบนี้ คุณ Keith Code เป็นคนแรกๆ ที่เป็นโค้ชให้กับนักแข่ง และนักบิดที่ใช้รถบนถนนทั่วไป แล้วมันก็ได้ผลดีเยี่ยมจากการสอนที่มีเทคนิคแบบที่เรียกว่า “Step-by-Step” คือ เรียนและฝึกไปตามขั้นตอนอย่างละเอียด

40 ปีที่ผ่านมา พวกเขาสอนนักเรียนสาขาวิชา “Superbike” ไปกว่า 150,000 คน รวมทั้งนักแข่งระดับโลกและระดับชาติกว่า 65 คน

หลักสูตรที่มีทั้งหมดคือ 4 หลักสูตร

Level 1: แก้ไขข้อบกพร่องของนักบิด แก้ไขเรื่องการใช้คันเร่ง การเข้าโค้ง ขจัดความกลัวทิ้งไป และที่สำคัญทำให้เกิดความสนุกในการขับขี่

Level 2: แก้ไขเรื่อง วิธีคิด วิธีอ่านแทรคให้ขาด เรียนรู้ 5 เทคนิคใหม่ มีการซ้อมซ้ำให้สามารถเรียนรู้วิธีแก้ไขปัญหาโดยใช้สายตาเป็นหลัก สายตา การมอง การอ่าน จะเฉียบคมมากขึ้น พร้อมกับการเอียงรถที่มากขึ้น พร้อมความเร็ว

Level 3: อีก 5 เทคนิคเกี่ยวกับการปรับใช้ท่านั่งให้ถูกต้อง ในการควบคุมรถในแต่ละสถาณการณ์ แน่นอนว่าแบบฝึกหัดทั้ง 5 นี้จะทำให้นักเรียนทุกคนเรียนรู้หลักการในการปรับท่านั่งให้ถูกต้องในการเข้าโค้งแต่ละโค้งที่ต่างกัน รวมทั้งการทะยานออกจากโค้งด้วยความเร็ว

Level 4: ระดับสี่ โค้ชจะสอนแบบตัวต่อตัวและ “คัสตอม” หลักสูตรให้กับนักเรียนโดยเฉพาะ เรียกว่าอยากเก่งแบบใหน พวกเขาจัดให้

การฝึกแบบทีละขั้นตอนอย่างละเอียด (Step-by-Step) ของ California Superbike School นั้นเรียกว่านักเรียนทุกคน 100% ดีขึ้น แต่เชื่อไหมว่า ส่วนมาก เป็นเรื่องของจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์ซึ่งเขาให้ข้อมูลเกี่ยวกับการออกแบบรถมอเตอร์ไซค์เข้าไปด้วยเรียกว่า “Science of Road Racing Motorcycles” ถือเป็นเรื่องสำคัญที่นักบิดทุกคนควรเข้าใจ และในทางอ้อมมันสร้างความมั่นใจให้แบบไม่รู้ตัว

ครั้งนี้เรามาลองประสบการณ์จริงกับครั้งแรกของ California Superbike School ระดับ 1 กัน

LEVEL 1 AT CHANG INTERNATIONAL CIRCUIT, BURIRAM
24 FEBRUARY 2018
กำหนดการที่ได้มารู้ได้เลยว่าพวกเขาเอาจริงเอาจังอย่างมากเพราะเราต้องไปถึงสนาม 6.45 น. ลงทะเบียน 7.00 น. เมื่อเห็นแบบนี้แล้วใครจะกล้าเที่ยวหรือดื่มหนักๆ ค่ำคืนก่อนเข้าเรียน ไม่มีสักคนที่มาเรียนแบบไม่พร้อม

7.00 น. นักเรียนทุกคนพร้อมและลงทะเบียนเรียบร้อย รถมอเตอร์ไซค์ที่จะลงสนามของนักเรียนที่ขนมาเองจะได้รับการตรวจสภาพ เช็คลมยาง เราเห็นทีมงานหลายสิบคนเลยทีเดียวหลังจากนั้นทุกคนได้รับเบอร์รถ เป็นสติ๊กเกอร์ และแบ่งกลุ่มเป็นสีต่างๆ ขาว เหลือง เขียว แดง จะต้องเปลี่ยนชุดเป็น เรซซิ่งสูททันที ก่อนขึ้นไปที่ห้องเรียน
หลังจาก คุณ Markus Glaser ผู้อำนวยการบีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย กล่าวเปิดอย่างเป็นทางการ คุณ Dylan Code ก็เริ่มเรื่องทฤษฎีที่น่าสนใจและสิ่งแรกที่เขาพูดถึงคือ “Entering Speed” หรือการใช้คันเร่ง
เราเรียนรู้กัน 5 อย่างในวันนี้ โดยแบ่งเป็น ทฤษฎี และ ปฏิบัติ
1. Entering Speed การใช้คันเร่ง
2. Turning Point การหาจุดเข้าโค้ง
3. Quick Turn การพลิกรถให้เร็ว (Counter Steering)
4. 2-Steps การมองโค้ง
5. Relax การออกจากโค้งด้วยความรู้สึกที่ไม่เกร็ง

การเรียนการสอนจะแบ่งเป็น 3 ห้องเรียน
ห้องเรียนที่ 1: ในห้องเรียนชั้นบน
ห้องเรียนที่ 2: ในสนามซึ่งนักเรียนทุกคนจะมีโค้ชประจำตัวคอยขี่ประกบ (โค๊ช 1 คน กับ นักเรียน 3-4 คน)
ห้องเรีนที่ 3: ในพิท หลังจากออกจากสนาม โค้ชจะแก้ไขอาการของแต่ละคนให้

คงมีไม่กี่คนที่ทราบว่า California Superbike School นั้น ได้ทำสื่อการเรียนการสอนออกมาต่อเนื่องหลายปีแล้วและมันก็เปรียบเสมือนคัมภีร์การขับขี่ที่เบื่องต้นเราสามารถดูได้จาก Youtube หรือหาหนังสือมาอ่าน แต่บอกได้เลยว่าสิ่งที่ได้ในวันนี้คือพื้นฐานที่แน่นหนาและมั่นคงก่อนที่คุณจะไปต่อในระดับสูงในการควบคุมรถที่มีความเร็วสูงขึ้น

นักเรียนทุกคนจำเป็นที่จะต้องผ่านด่านการสอนให้ครบทั้ง 5 ด่าน และทุกๆ ด่านจะให้คำตอบในตัวของมันเองก่อนไปถึงด่านต่อไป เช่น คุณจะต้องรู้จักการควบคุมความเร็วและใช้คันเร่งให้ถูกต้องก่อนที่จะพุ่งเข้าไปหาการเข้าโค้งที่ถูกต้อง

และการเข้าโค้งที่ถูกต้องก็จะต้องมีการควบคุมคันเร่งให้เหมาะสมเสียก่อนเมื่อทั้งสองอย่างถูกฝึกฝนแล้วก็มาถึงการพลิกรถให้เร็วสำหรับโค้งต่อเนื่องพวก “S” หรือ “Chicane” และการเรียนเรื่อง “Counter Steering” หรือหัวใจของการพลิกรถให้ฉับไว

เมื่อข้อ 1 (Entering Speed) + ข้อ 2 (Turning Point) + ข้อ 3 (Quick Turn) แล้ว ข้อ 4 (2-Steps) หรือการใช้สายตาก็ตามมา และ จบด้วย ข้อ 5 (Relax) คือการปรับอารมรณ์ให้สบายๆ ตอนเปิดคันเร่งทะยานออกจากโค้งไป

ทั้ง 5 หัวข้อคือการปรับสมดุลย์ให้กับทุกคนที่มาเรียน ซึ่งพกความสามารถต่างกันมา แต่กลับให้ประโยชน์ได้อย่างดีกับทุกๆ ระดับการขับขี่ตั้งแต่มือใหม่ไปจนถึงระดับนักแข่งสมัครเล่น

BMW Motorrad Thailand ทำโครงการนี้ขึ้นถือได้ว่ามีความตั้งใจมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าซึ่งมาจากพื้นฐานความเข้าใจเป็นหลักเพราะในมุมมองของเรา “Make Life a Ride” สโลแกนที่ชัดเจนในตัวของมันเองเสมอ

#MakeLifeARideTH

BMW MOTORRAD @MOTOR SHOW

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด จัดทัพขุมพลังสองล้อพร้อมนวัตกรรมล่าสุดสู่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ยกทัพมอเตอร์ไซค์พรีเมี่ยมของบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นใหม่ถึงกว่า    6 รุ่น พร้อมมอบข้อเสนอและโปรโมชั่นสุดพิเศษ พร้อมฉลองคว้ารางวัล “Car & Bike of the Year 2017” ยอดเยี่ยมแห่งปี ถึง 3 รุ่น ภายในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 38 ณ ชาเลนเจอร์ ฮอลล์  อิมแพค เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม ถึง 9 เมษายน 2560

บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ยังเอาใจแฟนๆ บิ๊กไบค์ชาวไทย เปิดตัวสุดยอดบิ๊กไบค์ครบทุกเซ็กเมนท์ ไม่ว่าจะเป็นในตระกูล Sport อย่าง S 1000 RR ใหม่, K 1600 GT จากตระกูล Touring, และตระกูล Heritage ที่ นำด้วยบีเอ็มดับเบิลยู R nineT Pure, R nineT Racer และบีเอ็มดับเบิลยู R nineT รุ่นปรับโฉมใหม่ ในกลุ่ม Roadster ยังมีบีเอ็มดับเบิลยู R 1200 R ใหม่เช่นกัน

นอกจากการเปิดตัวรถรุ่นใหม่แล้ว บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ยังมาพร้อมชุดแต่งพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Trophy Edition, Machined Parts Package สำหรับ R nineT และ R nineT Scrambler และ HP Accessories Package ในรุ่น S 1000 R และ S 1000 X

นอกจากนั้น บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด ประเทศไทย ยังตอกย้ำความสำเร็จในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า ด้วยการคว้ารางวัล Bike of the Year 2017 ถึง 3 รางวัล ได้แก่

รางวัล Best Sport Bike Heavyweight สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR

รางวัล Best Adventure Bike Heavyweight สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR

และรางวัล Best Cruiser Heavyweight สำหรับบีเอ็มดับเบิลยู R nineT

บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่ (ยังไม่ประกาศราคาจำหน่าย)

บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR ใหม่มาพร้อมระบบ ABS Pro ใหม่ ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่สูญเสียการทรงตัวแม้เบรกอย่างกระทันหันในขณะเข้าโค้ง นอกจากนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบบควบคุมการเกาะถนนแบบไดนามิก (Dynamic Traction Control) ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องบีบคลัตช์ Gear Shift Assistant Pro โหมดการขับขี่แบบโปร และระบบควบคุมช่วงล่างแบบไดนามิคหรือ Dynamic Damping Control

บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงและระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและของเหลว ขนาดเครื่องยนต์ความจุ 999 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 146 กิโลวัตต์ หรือ 199 แรงม้า ที่ 13,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงถึง 113 นิวตันเมตร ที่ 10,500 รอบต่อนาที อัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1 บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR สั่งจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมระบบคลัทช์เปียกซ้อนกันหลายแผ่นที่มาพร้อมกับระบบลดแรงกระชาก anti-hopping ระบบเกียร์ 6 สปีด และระบบขับเคลื่อนด้วยโซ่

บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 RR มาพร้อม 3 โทนสีโฉบเฉี่ยวเร้าใจให้ผู้ขับขี่ได้เลือก ไม่ว่าจะเป็น สองสีทูโทนอย่างเทา Grey Metallic คู่กับสีดำ Black Strom Metallic หรือสีแดง Racing คู่สีขาว Light White หรือจะเป็นสามเฉดสีอย่างสีฟ้า Lupin Blue แดง Racing และขาว Light White

_______________________________________________________________________________________

บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 GT ใหม่

ราคา 1,550,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

บีเอ็มดับเบิลยู K 1600 GT ตอกย้ำสมรรถนะของเครื่องยนต์ 6 สูบและความสะดวกสบายในการขับขี่สำหรับรถมอเตอร์ไซค์แบบทัวริ่ง โดยมีไฮไลท์คือ ระบบ Reverse Assist หรือเกียร์ถอย ที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่ พร้อมกันนี้ยังมาพร้อมเทคโนโลยีเหนือระดับครบครัน ทั้งไฟหน้าระบบ Adaptive Headlight ระบบควบคุมการเกาะถนนแบบไดนามิก (DTC) ระบบปรับค่าสปริงหรือความหนืดของโช้คด้วยระบบไฟฟ้าหรือ Dynamic ESA ระบบการขับขี่แบบไร้กุญแจหรือ Keyless Ride ระบบช่วยออกตัวในทางลาดชัน ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์โดย ไม่ต้องบีบคลัตช์ Gear Shift Assistant Pro พร้อมระบบ ABS Pro และอื่นๆ อีกมากมาย

K 1600 GT มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาด 1,649 ซีซี แบบระบายความร้อนด้วยน้ำและของเหลว ให้กำลังสูงสุด 118 กิโลวัตต์หรือ 160 แรงม้า ที่ 7,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงถึง 175 นิวตันเมตร ที่ 5,520 รอบต่อนาที อัตราส่วนกำลังอัด 12.2 : 1 สั่งจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ระบบคลัทช์เปียกซ้อนกันหลายแผ่น ระบบเกียร์              6 สปีด ขับเคลื่อนด้วยเพลาขับ

 

 

________________________________________________________________________________________

 

บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Pure โฉมใหม่ ราคา 880,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Pure เป็นมอเตอร์ไซค์คลาสสิคพันธุ์แท้ที่ได้รับการออกแบบในสไตล์ร่วมสมัย เหมาะกับการขับขี่บนท้องถนนทั้งในเมืองและแถบชานเมือง ด้วยโครงสร้างที่มีความคล่องตัว ผนวกกับดีไซน์อลูมิเนียมหรูบริเวณที่พักเท้าและแกนโช้คหน้า ส่วนตัวถังและบังโคลนด้านหน้าโดดเด่นด้วยสีเทา Catalano Non-metallic ตัดกับโช้คและระบบขับเคลื่อนสีดำ ให้ความรู้สึกคลาสสิคและทรงพลังในแบบมอเตอร์ไซค์ Heritage ตัวจริง

บีเอ็มดับเบิลยู R nineT มาพร้อมการปรับโฉมด้วยดีไซน์หน้าปัดใหม่ เฟรมตัวถังและเครื่องยนต์ดำ พร้อมกับล้อซี่ลวดลายใหม่ เครื่องยนต์ยังคงเป็นรุ่นในตำนาน คือ บ๊อกเซอร์ 2 สูบเรียง เพลาราวลิ้นคู่ ระบายความร้อนด้วยอากาศและน้ำมัน ขนาดเครื่องยนต์ความจุ 1,170 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 81 กิโลวัตต์หรือ 110 แรงม้า ที่ 7,550 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงถึง 119 นิวตัน-เมตร ที่ 6,000 รอบต่อนาที อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1 สั่งจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ระบบคลัทช์แบบ Single dry plate สั่งงานด้วยไฮดรอลิค เกียร์ 6 สปีด ขับเคลื่อนด้วย เพลาขับ ในขณะที่

นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู มอเตอร์ราด เตรียมเอาใจแฟนๆ มอเตอร์ราดโดยเฉพาะ ด้วยแพ็คเกจราคาพิเศษสำหรับ บีเอ็มดับเบิลยู R nineT และ บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Scrambler พร้อมอะไหล่ Machined เพียง 24 คันเท่านั้น โดยอะไหล่ Machined ชุดพิเศษ ประกอบด้วย ฝาครอบกระบอกสูบ ฝาครอบเครื่องยนต์ วงแหวนไฟหน้า ฝาครอบเพลาล้อหลัง ปลอกปลายแฮนด์ ฝาครอบสายพาน ฝาครอบไฟหน้า ฝาถังน้ำมัน ฝาครอบเฟืองดอกจอก และ               ฝาครอบสวิงอาร์ม โดยยังมาพร้อมกับชุดอะไหล่อื่นๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ท่อลดเสียงสปอร์ต Akrapovic              เบาะที่นั่งเดี่ยวสีน้ำตาล ไฟท้ายและไฟเลี้ยวแอลอีดี เป็นต้น

________________________________________________________________________________________

 

บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Racer โฉมใหม่ ราคา 975,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Racer เป็นมอเตอร์ไซค์สไตล์สปอร์ตคลาสสิคที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากมอเตอร์ไซค์ แห่งยุค 70s ด้วยรูปทรงที่มีลักษณะหมอบต่ำและคล่องตัว ผสมผสานกลิ่นอายของความร่วมสมัยกับความสปอร์ตไว้อย่างลงตัว ซึ่งเห็นได้ชัดจากหน้ากากแบบ half-fairing ที่หุ้มเบาะหนั่งหลังแบบโค้ง แฮนด์บังคับแบบหมอบต่ำ และที่พักเท้าที่วางไปทางด้านหลัง ตัวเฟรมสีเงินอลูมิเนียมแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างตัดกับระบบขับเคลื่อนสีดำอย่างชัดเจน ตอกย้ำความเป็นมอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ตในตำนานที่พร้อมมอบความสนุกสนานในทุกโค้งของการขับขี่

________________________________________________________________________________________

บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 R ใหม่ ราคา 1,120,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 R สร้างประสบการณ์การขับขี่ด้วยฟีเจอร์มาตรฐาน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีระบบควบคุมการเกาะถนนแบบไดนามิก (DTC) ระบบปรับค่าสปริงหรือความหนืดของโช้คด้วยระบบไฟฟ้าหรือ Dynamic ESA การขับขี่แบบไร้กุญแจหรือ Keyless Ride ระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์ Gear Shift Assistant โหมดการขับขี่แบบโปร และระบบควบคุมความดันยางรถ

บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 R นำเสนอเครื่องยนต์บ๊อกเซอร์ 2 สูบ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยอากาศและของเหลว ขนาดเครื่องยนต์ความจุ 1,170 ซีซี ให้กำลังสูงสุด 92 กิโลวัตต์หรือ 125 แรงม้า ที่ 7,750 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงถึง 125 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบต่อนาที อัตราส่วนกำลังอัด 12.0:1 สั่งจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ ระบบคลัทช์เปียกซึ่งทำงานด้วยระบบไฮโดรลิค ระบบเกียร์ 6 สปีด ขับเคลื่อนด้วยเพลาขับ พร้อมระบบกันสะเทือนล้อหน้าด้วยโช้คหัวกลับ และระบบกันสะเทือนล้อหลัง BMW Motorrad Paralever สวิงอาร์มอะลูมิเนียมเดี่ยวพร้อม Central Spring strut พร้อมปรับตั้งค่าความหนืดและการยุบตัวของสปริงได้ด้วยระบบไฮดรอลิค

บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 R ใหม่ มาพร้อมสี Light white / Cordoba Blue

________________________________________________________________________________________

บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Trophy Edition ราคา 960,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

สุดยอดบิ๊กไบค์สายพันธุ์เอ็นดูโร่ในตำนานอย่าง บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS มาพร้อมชุดแต่ง GS Trophy Edition ที่เป็นชุดแต่งเดียวกันกับรถที่ใช้แข่งจริงใน International GS Trophy ซึ่งแต่ละคันจะมาพร้อมกับการ์ดไฟหน้า การ์ดเครื่องยนต์ ฝาครอบเครื่องยนต์อะลูมิเนียม ก้านเบรกเท้า ที่พักเท้า Enduro แครชบาร์ปกป้องเครื่องยนต์ กล่องเก็บของท้ายรถ และไฟตัดหมอกหน้า พร้อมยางออฟโรด Metzeler Karoo3 ทั้งยังมาพร้อมกับสติ๊กเกอร์สุดพิเศษที่มีเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งลูกค้าสามารถออกแบบชื่อและตัวเลขตามต้องการได้

บีเอ็มดับเบิลยู R 1200 GS Trophy Edition ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สองสูบขนาด 1,170 ซีซี ที่มีระบบหล่อเย็นด้วยอากาศและน้ำ ให้พละกำลัง125 แรงม้าและแรงบิดสูงสุดที่ 125 นิวตันเมตร

________________________________________________________________________________________

 

บีเอ็มดับเบิลยู R nineT and R nineT Scrambler Machined Parts Package

ราคา  1,075,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

บีเอ็มดับเบิลยู R nineT Scrambler มาพร้อมกับการวางตำแหน่งที่นั่งแบบหลังตรงและแฮนด์  ที่ยกสูงขึ้นเพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่ ทั้งยังเสริมสมรรถนะและความโดดเด่นด้วยยางออฟโรดและท่อไอเสียแบบยกสูง

________________________________________________________________________________________

บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R HP Line ราคา 690,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

บิ๊กไบค์สไตล์โรดสเตอร์ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R กลับมาอีกครั้งกับชุดแต่ง HP เติมเต็มความปราดเปรียวด้วย ก้านคลัทช์และเบรก HP ฝาครอบล้อหน้าและฝาครอบกล่องอากาศแบบคาร์บอน ท่อลดเสียงสปอร์ต Akrapovic และที่พักเท้าด้านหน้า HP ทั้งยังมาพร้อมกับคุณสมบัติพิเศษอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเปลี่ยนเกียร์ Gear Shift Assistant ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถเพิ่มเกียร์ได้โดยไม่ต้องใช้คลัทช์ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) ระบบทำความร้อนแฮนด์รถ ฝาครอบเครื่อง และไฟเลี้ยวแอลอีดี สีขาว

บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R มาพร้อมกับสมรรถนะอันยอดเยี่ยมจากเครื่องยนต์ 4 สูบ 4 จังหวะ ขนาด 999 ซีซี ระบายความร้อนด้วยน้ำและน้ำมัน อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1 และระบบหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 118 กิโลวัตต์ / 160 แรงม้า ที่ 11,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 112 นิวตันเมตร ที่ 9,250 รอบต่อนาที ทำงานประสานกับเทคโนโลยีระบบควบคุมการเกาะถนนแบบไดนามิก (DTC) และ Dynamic Damping Control (DDC) ที่ช่วยปรับการทำงานของช่วงล่างในเหมาะสมกับการขับขี่ โดยทุกระบบสามารถปรับเปลี่ยนการทำงานได้ง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส

________________________________________________________________________________________

บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR HP Line

ราคา 930,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ราคา  สีพิเศษ 950,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR มาพร้อมชุดแต่ง HP ซึ่งประกอบไปด้วย ก้านคลัทช์และเบรก HP ฝาครอบล้อและฝาถังน้ำมันแบบคาร์บอน เบาะที่นั่งและมือจับท้ายแบบสปอร์ต กระจกบังลมสีดำหม่น และที่พักเท้าด้านหน้า HP

บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR เป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างรถทัวร์ริ่งและมอเตอร์ไซค์สปอร์ตอย่างแท้จริง โดยผสานคุณภาพการขับขี่แบบทัวร์ริ่งและสมรรถนะแข็งแกร่งสไตล์สปอร์ตเข้าด้วยกัน เพื่อมอบความสะดวกสบายสูงสุดสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบแถวเรียงรุ่นเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยู S 1000 R โรดสเตอร์ มอบกำลังสูงสุด 160 แรงม้า (118 กิโลวัตต์) ที่ 11,000 รอบต่อนาที โดยมีแรงบิดสูงสุดที่ 112 นิวตันเมตร ที่ 9,250 รอบต่อนาที นอกจากนี้ บีเอ็มดับเบิลยู S 1000 XR ยังมีโหมดการขับขี่แบบ Riding Mode Pro รวมถึงระบบควบคุมการเกาะถนนแบบไดนามิก (DTC) มอบความปลอดภัยขณะขับขี่ระดับสูง และระบบปรับค่าสปริงหรือความหนืดของโช้คด้วยระบบไฟฟ้าหรือ Dynamic ESA สามารถปรับตัวให้เข้ากับทุกสภาวะการขับขี่

________________________________________________________________________________________