RIDING HONDA CB1100 IN JAPAN
ขี่รถคนเดียวเที่ยวญี่ปุ่น
หนึ่งในโปรเจคในใจที่ผมอยากไป อยากลอง อยากรู้ คือการไปขี่รถมอเตอร์ไซค์ท่องเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยตัวคนเดียว ถ้าถามว่าพยายามจะสื่ออะไรก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าความชอบส่วนตัว
ผมขี่รถออกทริปเดินทางคนเดียวมานานแล้ว เพราะมันสันโดษ มีสมาธิ มีความสุข และการไปประเทศญี่ปุ่นครั้งนี้ก็วางแผนหลวมๆ มาร่วมปี เริ่มจากการสะสมไมล์ของสายการบิน การบินไทยและวางวันเดินทางช่วงเดือนตุลาคมที่ตรงกับการแข่งขัน “MotoGP” ที่สนาม TwinRing Motegi ซึ่งเป็นสนามที่ผมชอบมากๆ สนามหนึ่ง
Team Japan Rider
เมื่อได้ตั๋วเครื่องบินแล้วก็ทิ้งมันไว้จนกระทั่งก่อนวันเดินทางเพียงสองเดือนจึงได้เริ่มหาข้อมูลเอง ได้ทีมงานของ Japan Rider และ น้องเอ Wanchat เข้ามาให้คำแนะนำเรื่องเช่ารถและการขับขี่ โดย JapanRider ช่วยติดต่อไปที่ Rental819 ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ได้ความว่าค่าเช่ารถคลาส P5 (1000CC) นั้นราคาค่อนข้างแพง ตกวันละประมาณ 5 พันบาทรวมประกัน ความที่อยากขี่ Honda CB1100RS ตัวใหม่แต่รถที่มีถูกจองไปหมดแล้วจึงได้มาที่โมเดล CB1000 ธรรมดา ซึ่งก็ถือว่ายังเป็นรถในดวงใจอีกรุ่นที่น่าจะทดแทนกันได้
การเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นไม่ต้องใช้วีซ่า ใบขับขี่ต้องทำใบขับขี่สากลไป พร้อมนำใบขับขี่ของบ้านเราตัวจริงไปด้วย ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้นมากกว่าแต่ก่อน แต่การจองห้องพักและจ่ายเงินผ่านช่องทางที่ประเทศญี่ปุ่นดูจะไม่ค่อยจะง่ายด้วยระบบของเขา
ทะเลสาบ Kawagushiko
ผมต้องการเดินทางขี่รถมอเตอร์ไค์ไป Izu Skyline กับเส้นทางโค้งเลียบเขาและไปพักค้างคืนที่บริเวณทะเลสาบ คาวาคูจิโกะ ภูเขาไฟฟูจิ การจองที่พักที่ง่าายที่สุดคือจองผ่า Booking.com เพราะระบบการชำระเงินเป็นเงินไทยได้ เมื่อได้ที่พักฟูจิแล้วก็หาที่พักในเมืองซึ่งไม่อยากอยู่ใจกลางเมืองเพราะไม่อยากขี่รถในเมืองโตเกียวด้วยการได้รับข้อมูลมาว่า “ไม่สนุก” ขี่ยาก อึดอัด เชื่อครับ
ห้องพักที่ Touch Thai Guesthouse เมือง Omiya, Saitama, Tokyo
เลยได้ที่พักที่มีเจ้าของเป็นคนไทยที่ Touch Thai Guest House ที่เมือง โอมิยะ ไซตามะ ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ของการเดินทางครั้งนี้เพราะนอกจากเราจะนัดรับรถเช่าคือเจ้า CB1100 ที่เขาขนมารอที่สาขา ไซตามะ ให้ผมจากสาขาอื่นแล้ว (จ่ายเพิ่มนิดหน่อย) ทำให้การออกเดินทางไปภูเขาไฟฟูจินั้นง่ายขึ้นเพราะขี่อ้อมเมืองไป
มาถึงตรงนี้คุณคิดว่าง่ายใหมครับ ผมก็คิดว่าไม่น่ายาก
ผมคิดผิด มาฟังกันวันต่อวันเลยดีกว่าครับ
เส้นทางที่ไปครั้งนี้
Airport Limousine Bus ราคา 1,500 เยน หรือ 500 บาท จากสนามบิน Haneda Tokyo ไป Omiya Station
ป้ายรถเมล์ Airport Limousine Bus
เอิ่ม ชอบห้องน้ำ แม่นยำมาก น้ำอุ่นๆ มีลมเป่าแห้งด้วย
ลงเครื่องมาปุ๊บ มายืนรอรถบัสพร้อม บีม ศรันยู ใครๆ ก็ไปรถบัส มันสะดวกสุดแล้ว
DAY 1: Bangkok – Haneda International Airport, Omiya, Saitame, Tokyo
เครื่องลงเวลา 0700น ตั้งใจลงสนามบินฮาเนดะเพราะคิดว่ามันเดินทางไกล้กว่าสนามบินนาริตะ เมื่อไปถึงนั่งรถ Airport Bus Limousine ไปลงที่สถานีปลายทางคือ Omiya JR Station ค่ารถเมล์ 1,500 เยน หรือ ประมาณ 500 บาทครับ ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง เดินทางสะดวกสุดๆ
Deus Exmachina Harajuku
สวยมากๆ
มาถึงรถตู้ของ Touch Thai Guest House มารอรับ ซึ่ง Touch Thai เป็นที่พักราคาไม่แพงสไตล์ Home stay แบบญี่ปุ่นโดยคุณเต้ ปวาล ชมภูรัตน์ @Pawan Chompurat เช็คอินเรียบร้อยวันนี้มีเวลาทั้งวัน ผมพักร่างกายหนึ่งวัน สร้างความเคยชินกับตัวเองและป้ายต่างๆ ด้วยการขึ้นรถไฟไปเที่ยวในเมือง คือตั้งใจไปร้าน Dues Exmachina Harajuku ใจกลางกรุงโตเกียว แล้วเดินเล่นในเมืองก่อน เดินทางด้วยรถไฟใต้ดิน ซึ่งไม่ยากมาก ค่อยๆ แกะไปได้จนกระทั้งเย็นหาอะไรทานแถวที่พักมีให้เลือกหลายอย่าง ราคาถูกสุดคือ 400-600 เยน จัดเต็มก็มี 2,000 เยนครับ แล้วแต่จะเลือก วันนี้ผมมีคุณเต้ พาทัวร์ สบายไป
ยาชิโนย่า 580 เยน
DAY 2: Omiya – Lake Fujiguchiko (150 กิโลเมตร)
การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ในประเทศญี่ปุ่น (Tokyo – Fuji Subaru Line – Lake Kawaguchiko – Izu Skyline – Hakone Line – Naguri – Motegi – Twin Ring Motegi – Omiya)
ตารางราคาค่าเช่ารถจาก Japan Rider/Rental819
ผมมีรถส่วนตัวของ Touch Thai Guest House ไปส่งที่ร้าน Rental819 สาขา Saitama ง่ายๆ นะครับ ไม่มีรถไปส่ง คงหลงและเสียเวลาตั้งแต่ออกจากบ้าน ขนาดคนท้องถิ่นยังต้องเปิด GPS นำทาง แท๊กซี่ไม่ต้องพูดถึงครับ แพงสุดๆ เรามาทริปประหยัดกัน
11.00 (เวลาเปิดทำงาน ทำให้เราเริ่มขี่รถได้หลังเที่ยง) ไปถึงทางร้าน Rental 819 สาขาไซตามะ อธิบายทุกอย่างชัดเจนดีครับ พูดภาษาอังกฤษได้ เขาเอาบัตรทางด่วน ETC ไว้ใต้เบาะ เวลาผ่านด่านมันจะบวกเงินไปเรื่อยๆ จนวันคืนรถเราต้องจ่ายเป็นเงินสหรือบัตรเครดิต งานนี้ผมโดนไป 10,000 เยน หรือ 3,000 บาทกับ การเดินทาง 1,000 กิโลเมตร
เมื่อทุกอย่างดูจะโอเคด้วยการใช้โทรศัพท์มือถือรุ่น Samsung A9 Pro ที่มีถ่าน 5000 แอมป์ ใช้งานติดต่อกันได้นานกว่าปรกติเพื่อการเดินทางและใช้งานถ่ายรูป (ไม่มีการพกกล้องใหญ่แต่อย่างใด) เหลือบมองดูใน Google Map ที่เซท มีบางช่วงเป็นภาษาญี่ปุ่นจึงเอะใจ ขอจด ชื่อของทางด่วนหลักๆ ที่ต้องไป และติดเอาไว้ที่ถังน้ำมัน กันพลาด
ซึ่งก็พลาดจริงๆ ถ้าไม่ทำแบบนี้เพราะเส้นทางที่ไปต้องลอดอุโมงค์หลายครั้ง และสัญญานก็หายไป ทำให้ Google Map หยุดทำงาน ออกจากอุโมงค์ หลายครั้งเจอทางแยกทันที เราต้องอ่านป้ายเอาเองซึ่งมีภาษาอังกฤษตัวเล็กๆ อยู่ ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ เรามีโอกาศหลงเส้นทางสูงและเสียเวลานานกว่าจะกลับมาได้
จอดเช็ค Google Map ว่าหลงทางหรือไม่เพราะลอดอุโมงค์หลยอุโมงค์แล้วเจอทางแยกเลยจนการนำทางกระตุก ปรากฎว่ายังไม่หลงแต่เริ่มมีสัญญานเตือน
ฝนที่ตก อากาศที่ลงมาถึง 10 องศา ทำให้สมาธิเสียไปมาก ผมหลงทางตาม Google Map ไปผิดที่ผิดทางอยู่หลายครั้ง เสียเวลาไป สองชั่วโมง กว่าจะรู้ตัวก็คือ เวลาเราจอดรถ แน่นอน หัวรถจะเปลี่ยนทิศ Google Map จะงง และพาเราไปคนละทิศทางซึ่งทางที่ปลี่ยนไป ก็สามารถไปได้เช่นกันแต่ ลัดบ้าง อ้อมบ้าง ไม่มีผู้คนบ้าง ต้องใช้ความรู้สึก การคาดเดาและการเอาตัวรอดให้พาตัวเองกลับมาให้ได้
แท่นที่ผมจะไปถึงที่พักบริเวณ Lake Kawagushiko บ่ายสามโมง ผมกลับไปถึงที่นั่น หกโมงเย็นซึ่งมีแต่ความมึด ที่นั่นมึดเร็วมากครับ ทำให้สองชั่วโมงในการเก็บภาพยามเย็นของผมหายไป
ซึ่งมันมีค่ามากๆ
ออกจากร้านเช่ารถ บ่ายโมง ระยะทาง 150 กิโลเมตร มาถึง ที่หมาย เกือบ ห้าโมงเย็น โดนไปสามชั่วโมงกว่า เพราะหลงสิครับ เสียเวลาไปเป็นบทเรียน
งานนี้ไม่มีคนนำทางนะครับ แถมฝนตกตลอดทาง ไม่มีทางได้เห็นภูเขาไฟฟูจิแน่ๆ วันนี้
ไม่เป็นไร พักที่นี่ Shiki-no-Yado Fujisan มีออนเซ็นให้พักร่างกายถือว่ายังโอเค
พรุ่งนี้ลุ้นต่อ
หมดกัน ฟูจิซัง หายไปใหน @Lake Kawagushi
Day 3: Lake Kawagushi – Fuji Subaru Line 5th Station – Izu Skyline – Hakone Skyline – Hichihoji – Naguri – Bikumono Log House (272 กม.)
ในการเดินทางไป Izu Skyline จะใช้เวลา นาน สี่ถึงห้าชั่วโมงจากที่พักที่ทะเลสาบ Kawaguchiko แต่ผมก็อยากขึ้นไปลิ้มรส ถนนในตำนานอีกเส้นทางหนึ่งคือ Fuji Subaru Line ซึ่งจะพาเราขึ้นเขาไปถึงตีนเขาภูเขาไฟฟูจิ
แวะเติมน้ำมัน หยอดเงินเอา ไม่ยากๆ ฝนตกแต่เช้า ยังไงก็ต้องลุย
ระยะทาง 55 กิโลเมตร ใช้เวลา หนึ่งชั่วโมง ไป และ อีกหนึ่งชั่วโมงกลับ
อยากไปต้องกัดฟันตื่นตีห้าครับ ออกจากโรงแรม เช็คเอาท์เลย ที่ 0630 น. แล้ววนไปถ่ายรูปกับทะเลสาบสักหน่อย ก่อนออกเดินทางไปหา ฟูจิซัง
ฟูจิซางงงงงงงงง ร้องดังๆ ก็ไม่มา
Fuji Subaru Line 5th Station
แง…ฝนตก หมอกคลุมตลอดทาง แต่ก็ต้องไป ตั้งใจแล้วไม่อย่างนั้นจะไม่มีข้อมูลจริงมาเล่าให้ฟัง
Fuji Subaru Line นั้นเสียค่าเข้านิดหน่อย 2,060 เยนครับก็ 700 บาท ถนนดีมากๆ ผมซัดเจ้า CB1100 คนเดียว ไม่มีใครมาเพราะสภาพอากาศไม่ดี แต่ผมสนุกมาก รถควบคุมง่ายเลยไม่เครียด ชุดที่ใช้เป็น ซับในของ Touratech ทั้ง (https://www.touratech.co.th) งชุด คุมอุณหภูมิดีเลิศ สวมทับด้วยเสื้อมีฮู๊ดกันฝน เพราะผมอยากแนวๆ กางเกงทัวริ่งสีดำของ Alpinestars รุ่น Techtouring (www.facebook.com/alpinestarsthailand) มี 3 ชั้น กันหนาวและกันฝน Gotetex รวมทั้งรองเท้าบู๊ทด้วย Goretex ทั้งตัวครับ ถึงจะรอด ที่ยากคือจะแต่งหล่ออย่างไรให้สบายตัวด้วยถ่ายรูปมาเข้ากับสถานที่ด้วย หมวกที่ใช้เป็น TT&Co. Japan (http://www.ttandco.com)
ต้องบอกข้อมูลชุดที่ใส่ครับ เราควรเช็คสภาพอากาศเสมอ ให้ร่างกายเปียกในสภาพอากาศหนาวไม่ได้
Fuji Subaru Line 5th Station ฟ้าเปิดแค่ 5 นาที ได้ภาพนี้มา หากไม่มีฝนจะวงยแค่ใหน
Fuji 5th Station
ไม่เห็นอะไรเลยมีแต่ม่านขาวๆ เพราะเราอยู่ในเมฆอันหนาทึบ ถ่ายรูปยังไม่ได้เลย โทรศัพท์ เปียก พัง ผมไม่ต้องเดินทางกลับกันพอดี
จึงรีบขี่รถลงเขามา โชคดีระหว่างทางฟ้าเปิดทำให้ผมมองเห็นความสวยงามของทรรศนียภาพ ใบไม่เปลี่ยนสีสวยงามมาก ไม่เห็นฟูจิซังอยู่ดี แล้วเพียงไม่ถึง 5 นาที ฟ้าก็ปิด คราวนี้ยาวเลยครับ ฝนตกหนักจนไปถึงตีนเขา
Izu Skyline เปียกๆ ตลอดทาง ถ่ายรูปไม่ได้เลย
หนาว และ เปียก พื้นผิวถนนดีมากแต่ก็มีลื่นๆ บ้าง Honda CB1100 ควบคุมง่าย ไม่ออกอาการ ทำให้เบาใจพอสมควรกับการขี่รถฝ่าทางโค้งและเขาหลายชั่วโมงบน Izu Skyline ครั้งนี้
Izu Skyline
เวลาวันนี้หายไปสองชั่วโมงกว่า ไม่มีอะไรตกถึงท้อง กะจะไปทานที่ Izu Skyline ลงเขามา เวลา 0900 น มีนัดที่เมือง Hachioji เพื่อเดินทางไปนอนที่อุทยาน Naguri เวลา 1330 น. สบายๆ ผมขี่รถเปิด Google map เพื่อผ่านเมือง โกเต็มบะ ก่อนเข้าเมือง Izu หลงออกทางออกผิดอัน อ้อมเสียเวลาไป พักใหญ่ ก่อนเข้าไปในเขตเทือกเขาและหาทางเข้าไปจุดจ่ายเงินทางเข้า Izu Skyline
ความหายนะก็เกิดขึ้นเพราะ Google Map หยุดทำงานและเริ่มทำงานก็ตอนผมเลยทางแยกไป ทำให้มันคลำหาทางใหม่จนพาผมหลงป่านานกว่าชั่วโมง รู้ตัวอีกที อยู่ห่างจากทางเข้า Izu Skyline กว่า 30 กิโลเมตร
เมือง โกเต็มบะ ก่อนเข้า Izu หูยยยยยย
เวลาก็ไปถึง 11 โมงเช้า ไม่มีอะไรตกถึงท้อง กดดูเวลาจากตรงนี้ ผมไปถึงที่หมายช้าไปหนึ่งชั่วโมงจึงจำเป็นต้องขี่รถทนหิวและหนาวไปตามทางไหล่เขาที่บอกตรงๆ ว่า ทางดีมากๆ แม้ฝนตก หมอกลงจัด รู้สึกปลอดภัย แม้สภาพอากาศเลวร้ายก็ยังสนุก
แม้จะปนความเครียดเล็กน้อย ทำได้อย่างเดียวคือไปตามทาง GPS
ในที่สุดผมก็ฝ่าอุปสรรคทุกอย่างออกมาได้และพาตัวเองมาถึงจุดหมายได้โดยสวัสดิภาพ
จะไปออนเซ็น
Bikumono Log Houseออนเซ็นในป่า Naguri
Naguri
คืนนี้เราจะไปนอนที่ Bikumono Log House (https://web.facebook.com/pages/Bikumono-Loghouse) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโลเกชั่นที่มีแต่ธรรมชาติ มีออนเซ็นในป่าที่น่ารัก มีกวาง แรคคูน กระต่าย ให้เห็นเราจะทานมื้อเย็นแบบ BBQ ที่สนามหลังบ้านและพักผ่อนกันหลังการเดินทางอันหนาวเหน็บก่อนเดินทางไปชมการแข่งขัน MotoGP ในวันรุ่งขึ้น
บนทางด่วนไปสนาม Twin Ring Motegi
พี่ๆ ใส่ Race Suit มาดู MotoGPไม่ใช่เรื่องยาก แค่เข้าคิว
DAY 4: MotoGP TwinRing Motegi (330 กม)
เช้าตรู่ วันนี่เป็นวันสุดท้ายของการขี่รถ และวันนี้ผมมีไกด์นำทางจาก Naguri ไป Motegi และกลับเข้า Tokyo ครับ ยอมรับว่าอุ่นใจ เพราะคาดว่าขี่รถเข้าเมืองน่าจะหลงง่ายมาก
สามชั่วโมงบนทางด่วน พาผมมาจอด เจ้า CB1100 ที่บริเวณ North Gate ของ สนาม TwinRing Motegi รถติดมาก ทำใจเอาไว้แล้ว ฝนตกครับ ตกหนักเลย ไม่สามารถถ่ายรูปอะไรไว้ได้มาก เราได้บัตร Guest จากความอนุเคราะห์ของ Idemitsu บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของประเทศญี่ปุ่นทำให้เราเข้าไปในบริเวณ ที่พักของนักแข่งแล้วเราก็ได้เจอ Valentino Rossi อย่างไกล้ชิด แหล่มเลย
ชมการแข่งขันจนจบคราวนี้ขี่รถกลับ Omiya แน่นอนว่าการมีไกด์ขับรถนำนั้นเป็นความคิดที่ถูกต้องครับ เพราะการใช้ถนน ทางด่วน เข้าไปในเมืองมันซับซ้อนมากและทับซ้อนกันอีกด้วย เลี้ยวผิด ชีวิตเปลี่ยนครับ มึดด้วย มองไม่เห็นทางด้วย ก็ถือว่า สองชั่วโมงเราก็กลับถึงที่พักเรียบร้อย
ปลอดภัยทุกประการ
ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
Day 5: Omiya Saitama
ผมนำรถไปคืนและชำระค่าทางด่วนเป็นเงิน 10,000 เยน หรือ ประมาณ 3,500 บาท ถือว่าแพงใช้ได้เลย กันงบไว้เลยนะครับถ้ามาขี่รถที่นี่ ค่าน้ำมัน สามวัน 1,000 กม น่าจะมีประมาณ 2,500 บาท ถึง 3,000บาท ได้
วันนี้เราทัวร์ร้านขายอุปกรณ์มอเตอร์ไซค์ และแวะเยี่ยมคุณ Hiro Takahashi เจ้าสำนัก TT&Co. Japan ร้านทำหมวกกันน๊อคที่สุดเจ๋ง ทำด้วยมือ เนี๊ยบมากๆ มาพร้อม อารมณ์วินเทจซึ่งเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัว
ท้ายสุดคือความสำเร็จของการเดินทางตามสิ่งที่วาดเอาไว้ครับ โล่งอก สนุก เสียว เครียด มีให้ครบครับ สุดท้ายคือความสุขทุกๆ วินาทีที่ได้ขี่รถที่ประเทศญี่ปุ่น แม้จะไม่ได้เห็น “ฟูจิซัง” ก็ขอฝากเอาไว้ก่อน แล้วจะมาหาใหม่
บทสรุปง่ายๆ
การมาขี่รถคนเดียวที่ประเทศญี่ปุ่นทำได้ไม่ยากครับ แต่ต้องให้แน่ใจว่า
1. คุณขี่รถเป็น ไม่ใช่ขี่รถได้
2. ร่างกายต้องพร้อม
3. ชุดต้องพร้อม
4. รถที่ใช้แนะรถใหญ่ 600-1200CC เพราะเจอลมแรง ควรหนักแน่นไว้ก่อน
5. Honda CB1100 ใช้ดีเกินคาด ควบคุมง่าย น้ำหนักมีสู้กับลมแรง ประหยัดน้ำมันมาก
6. ชุดที่ใช้ควรกันหนาวและกันฝนหากเดินทางมาที่นี่ คาดการณ์ไม่ได้
7. ทางดีมากพื้นผิวถนนดีช่วยให้เราปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
8. คนขับรถเป็นระเบียบ สบายใจได้
9. ต้องเปิดไฟเลี้ยวทุกครั้ง
10. ห้ามทำตัวเป็นสตั๊นแมน คนที่นี่ไม่ชอบ
11. ห้ามปาดซ้าย ขวา
12. ควรมีใกด์ นำทาง หลงทางเสียดายเวลา
13. ค่าใช้จ่ายประมาณ 35,000 บาท ต่อคน รวมค่าที่พัก ค่าไกด์ ค่าเช่ารถ P4 ค่าอาหารบางมื้อ ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ไม่รวมค่าน้ำมันและค่าทางด่วน
Special Thanks
#aphonda
#hondabigwing
#idemitsu
#touratech
#ttandcojapan
Hiro Takahashi
Japan Rider
Rental819台灣(日本機車出租 / 重機自助旅遊)
IDEMITSU Honda Team Asia
TT&CO. Thailand
Honda Big Wing
Touratech Thailand
Alpinestars Thailand
#hondacb1100
Bikumono
TouchThai Guesthouse
Pawan Chompoorat
Wanchat Jarusean